วันพฤหัสบดีที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2557

yee peng festival

                         

                           ประเพณีลอยโคม



        งานประเพณีลอยโคม เป็นประเพณีพื้นบ้านของชาวล้านนา ในจังหวัดเชียงใหม่ จัดขึ้นในวันเพ็ญเดือน 12 การลอยโคมของชาวล้านนานี้ไม่ใช่การลอยโคมตามสายน้ำ หรือลอยกระทง แต่เป็นการลอยโคมที่ปล่อยขึ้นไปในอากาศ โดยโคมจะทำด้วยกระดาษสา ติดบนโครงไม้ไผ่ซึ่งก็จะมีสีสันสวยงาม แล้วจุดตะเกียงไฟตรงกลางเพื่อที่จะให้ไอร้อนเป็นตัวพาโคมลอยขึ้นสู่อากาศชาวล้านนามีความเชื่อว่าการจุดโคมลอยและปล่อยขึ้นไปในอากาศเป็นการปลดปล่อยความทุกข์โศกและเรื่องร้ายๆ ให้พ้นตัวและลอยไปกับอากาศ โดยมีคติความเชื่อว่า เพื่อบูชาพระเกตุแก้วจุฬามณี บนสรวงสวรรค์




       ชาวล้านนาได้กล่าวว่า ในวันเพ็ญเดือนสิบสองนอกจากจะมีการตั้งธัมม์หลวงแล้ว คนที่เกิดในปีจอจะต้องไปนมัสการพระธาตุแก้วจุฬามณี ซึ่งเป็นที่บรรจุมวยผมของเจ้าชายสิทธัตถะที่ตัดออกก่อนดำรงเพศนักบวช แต่เจดีย์นี้อยู่ที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ดังนั้นชาวล้านนาที่เกิดในปีจอ จึงใช้โคมลอยเป็นเครื่องบูชาพระธาตุเกศแก้วจุฬามณี โดยปล่อยไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในวันงานประเพณีลอยโคม จะมีการจุดโคมและปล่อยขึ้นบนท้องฟ้าทำให้ท้องฟ้าในยามค่ำคืนสว่างไสวไปด้วยแสงจากโคมลอย ซึ่งมีความสวยงามและประเพณีนี้ได้กลายเป็นที่รู้จักของชาวไทยและชาวต่างชาติก็ให้ความสนใจในเอกลักษณ์ของประเพณีลอยโคมเป็นอย่างมาก
โคมลอย หมายถึงประทีปที่จุดไฟแล้ววางบนกระทงและปล่อยให้ลอยไปตามสายน้ำ จะมีลักษณะเป็นลูกโป่งขนาดใหญ่ทำด้วยกระดาษบางเบาที่ปล่อยให้ลอยไปบนฟากฟ้าโดยใช้ควันไฟ

ประวัติประเพณีลอยโคม
        แต่เดิมนั้นในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 จะมีพิธีลอยกระทงเรียกว่า พระราชพิธีจองเปรียงชักโคม ซึ่งเป็นพิธีของพราหมณ์ กระทำเพื่อบูชาพระเป็นเจ้าทั้งสาม คือ พระอิศวร พระนารายณ์ และพระพรหม ครั้นคนไทยรับนับถือพระพุทธศาสนาก็ทำพิธี ยกโคม เพื่อบูชา พระบรมสารีริกธาตุ พระจุฬามณี ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ลอยโคมบูชาพระพุทธบาท ณ หาดทรายแม่น้ำนัมมทานที ประเทศอินเดีย สำหรับการลอยกระทงตามสายน้ำนี้เกิดขึ้นครั้งแรกตามหลักฐานที่บันทึกเอาไว้ว่านางนพมาศ  ซึ่งเป็นสนมเอกของพระร่วงเจ้ากรุงสุโขทัยได้คิดทำกระทงรูปดอกบัวและรูปต่างๆ ถวาย พระร่วง ทรงให้ลอยกระทงตามสายน้ำไหลใน หนังสือตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ พระร่วงตรัสว่า “แต่นี่สืบไปเบื้องหน้า โดยลำดับกษัตริย์ในสยามประเทศ ถึงกาลกำหนดวันเพ็ญเดือน 12 ให้ทำโคมลอยเป็นรูปดอกบัวอุทิศสักการบูชา พระพุทธบาทนัมฆทานที ตราบเท่ากัลปาวสาน” ครั้นถึง สมัยรัตนโกสินทร์ มีการทำกระทงขนาดใหญ่และสวยงามมีการประกวดเกิดขึ้น

       
      โคมลอย มีความหมายเดียวกับ “โพยมยาน” คือยานที่ลอยไปในอากาศได้โดยใช้อากาศร้อนหรือแก๊สที่เบากว่าอากาศยกเอายานนั้นลอยไปได้ “โคมลอย” ในที่นี้ มาแต่หนังสือพิมพ์ตลกของอังกฤษที่ชื่อว่า ฟัน (Fun-ผู้เขียน) ที่ใช้รูปโคมลอยอยู่หลังใบปก หนังสือพิมพ์นั้นเล่นตลกเหลวไหลไม่ขบขันเหมือนหนังสือพิมพ์ตลก จึงเกิดคำติกัน เมื่อใครเห็นเล่นตลกไม่ขบขัน จึงว่าราวกับหนังสือพิมพ์ฟัน บ้างว่าเป็นโคมลอย บ้างจะพูดให้สั้นจึงคงไว้แต่ โคม โคมลอย ตามนัยของพระราชพิธี ๑๒ เดือน กับนัยของหนังสืออักขราภิธานศรัพท์ แม้จะดูเหมือนว่าไม่ตรงกัน แต่ก็พอจะอธิบายให้เห็นได้ว่าเป็นวัตถุทรงกลมที่อาศัยความร้อนที่กักไว้ภายในพยุงให้ลอยไปในอากาศได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น